“ตู้เย็นมินิ” ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชาวหอพักหรือคนที่มีห้องส่วนตัวกันใช่ไหมเอ่ย ผู้เขียนก็เคยเป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกันค่ะ โดยก่อนที่จะซื้อ ผู้เขียนได้ลองหาข้อมูลของรุ่นต่าง ๆ ตามอินเทอร์เน็ตเสียก่อน ดูว่ารุ่นไหนเหมาะกับการใช้งานและมีรีวิวเป็นอย่างไรบ้าง แต่ปัญหาหลัก ๆ ที่เจอมาคือ “ไม่มีบทความสรุปให้อ่านง่าย” ต้องมานั่งวุ่นวายเปิดอ่านทีละหลายหน้าต่าง กว่าจะได้ตู้เย็นมาใช้เร็ว ๆ กลายเป็นเสียเวลาไปอีก ดังนั้นเพื่อไม่ให้เพื่อน ๆ ต้องเจอปัญหาเดียวกัน วันนี้เราได้รวบรวมเนื้อหาที่น่าสนใจมาให้อ่านกันแล้วค่ะ
เวลาหาข้อมูล สิ่งแรกที่เราอยากรู้คือรีวิวใช่ไหมคะ แต่ถ้าเรายังไม่รู้จักลักษณะและหน้าที่ของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ดีพอ ก็ยากที่เราจะวิเคราะห์รีวิวได้ถูกต้อง ลำดับแรกจึงควรอ่าน “วิธีการเลือก” และตามด้วย “10 อันดับสินค้ายอดฮิตขายดี” ที่ผ่านการเปรียบเทียบทั้งจากราคา, คุณสมบัติและรีวิว เพื่อให้ได้สินค้าที่ตอบโจทย์ของเรามากที่สุดกันค่ะ
ก่อนอื่นมาดูกันค่ะว่าตู้เย็นมินิมีคุณสมบัติอย่างไร ทำไมเราถึงต้องใช้ตู้เย็นมินิ
บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเรายังต้องการตู้เย็นมินิอีก ทั้ง ๆ ที่ในห้องครัวก็มีไซซ์ใหญ่ที่แช่ได้เยอะและมีฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลายมากกว่าแล้ว แต่ถ้าคุณเบื่อกับการเดินขึ้น ๆ ลง ๆ เพื่อหยิบเครื่องดื่มหรือขนมมาทานบนห้อง หรืออยากได้ความเป็นส่วนตัว นึกอยากจะทานเมื่อไรก็ทานได้ เราขอแนะนำให้คุณหาซื้อไซซ์มินิมาติดไว้ที่ห้องเลยค่ะ
นอกจากนี้ ตู้เย็นมินิยังเป็นที่นิยมสำหรับใช้ในบริษัท เวลาที่ต้องเสิร์ฟน้ำให้เหล่าแขกหรือลูกค้า และสำหรับใช้ในหอพัก ห้องเช่าที่มีพื้นที่จำกัด ยิ่งถ้าใครไม่ทำอาหารทานเองด้วยแล้ว ยิ่งเหมาะอย่างยิ่งที่จะมีไอเทมนี้ไว้ครอบครองเลยค่ะ
ส่วนใครที่กังวลว่าพอมีตู้เย็นเพิ่มมา เราก็จะซื้อของมาตุนเยอะขึ้นสิ คราวนี้รายจ่ายก็จะยิ่งบานปลาย แต่ในความจริงแล้ว ตู้เย็นหลักของบ้านกลับเป็นแหล่งรวมหัวขโมยที่ลักเงินของเราไปมากกว่าอีกค่ะ ในทางกลับกันด้วยขนาดของไซซ์มินิ ทำให้เราต้องจำกัดการซื้อของมาตุนไปในตัวด้วย เท่ากับเป็นการช่วยลดรายจ่ายทางอ้อม แต่ระวังอย่าตุนอาหารทั้งในตู้เย็นมินิและตู้เย็นหลักนะคะ ไม่อย่างนั้นรายจ่ายจะยิ่งเยอะขึ้นได้ ตอนนี้เพื่อน ๆ คงตัดสินใจกันได้แล้วว่าควรซื้อหรือไม่ควรซื้อผลิตภัณฑ์นี้ดี ถ้าใครยังสนใจอยู่ล่ะก็ ลำดับต่อไปเราไปอ่านวิธีการเลือกกันดีกว่าค่ะ
แน่นอนว่าอันดับแรกที่ทุกคนนึกถึงคงหนีไม่พ้น “ความจุ” เพราะตู้เย็นมีหน้าที่หลักในการเก็บรักษาอาหารและเครื่องดื่มนั่นเอง ถ้าเป็นตู้เย็นเสริมที่ใช้วางในห้องนอนหรือห้องนั่งเล่น ควรเลือกตู้เย็นขนาดเล็กที่มีความจุน้อยกว่า 50 ลิตร เพราะเป็นที่ขนาดที่ดูไม่เกะกะ และยังสามารถใส่เครื่องดื่มหรือขนมกินเล่นได้พอเหมาะมาก ๆ
สำหรับขนาดตู้เย็นไซซ์ L ที่มีความจุ 50 – 100 ลิตรนั้นก็สามารถใช้เป็นตู้เย็นเสริมได้ หรือจะใช้เป็นตู้เย็นหลักสำหรับใครที่อยู่หอคนเดียว หรือชอบรับประทานอาหารนอกบ้าน รับรองว่าเพียงพอต่อการใช้งานแน่นอนค่ะ แต่สำหรับใครที่ชอบทำอาหาร ซื้อเนื้อสัตว์หรือผักมาแช่ไว้ แนะนำให้เลือกไซซ์ใหญ่ที่มีความจุมากกว่า 100 ลิตร นะคะจะได้ใช้งานได้อย่างสบายใจไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องตู้เย็นเต็มแน่นอนค่ะ
ตู้เย็นมินิที่คนส่วนใหญ่นึกถึงนั้นจะเป็นแบบที่มีแค่ประตูเดียวกันใช่ไหมคะ แต่ในปัจจุบันก็มีตู้เย็นมินิแบบ 2 ประตูเป็นทางเลือกสำหรับคนที่อยากใช้ช่องแช่แข็งด้วย ลองไปเช็คกันดูค่ะ
ตู้เย็นมินิแบบ 1 ประตูนั้น ปกติจะมีแค่ส่วนทำความเย็นทั่วไป และอาจมีช่องใส่ถาดทำน้ำแข็งเสริมด้านบน ซึ่งความจุไม่เพียงพอต่อการนำอาหารแช่แข็งมาแช่แน่ ๆ ดังนั้นถ้าใครที่ต้องการแช่ของจำพวกอาหารแช่แข็งหรือไอศกรีม ลองเลือกใช้ตู้เย็นที่มี 2 ประตูที่แยกช่องทำความเย็นและช่องแช่แข็งไว้กันเถอะ
ด้วยความที่ตู้เย็นค่อนข้างเล็ก ทำให้ใครหลายคนละเลยขนาดของมัน และลืมคิดถึงเรื่องการระบายความร้อนที่จำเป็นต้องเว้นระยะระหว่างตัวตู้เย็นกับกำแพง จนบางครั้งซื้อมาแล้วเกิดปัญหาวางแล้วไม่พอดีกับพื้นที่ที่จัดสรรไว้แต่แรก แนะนำให้เช็คเรื่องนี้ก่อนการซื้อด้วยนะคะ
โดยทั่วไประยะห่างระหว่างตู้เย็นกับกำแพงนั้น ด้านซ้ายขวาจะต้องมากกว่า 5 มม. ส่วนด้านหลังจะต้องมากกว่า 5 ซม. และควรวางไว้ในที่สามารถหยิบใช้งานได้งาน ถ้าใครหาขนาดที่เหมาะกับพื้นที่ที่จัดสรรไว้ไม่ได้ แนะนำให้เลือกรุ่นที่เล็กลงมาแทนค่ะ
ไม่ใช่แค่เพียงขนาดของตู้เย็นเท่านั้น เรื่องพื้นที่ในการติดตั้งเองก็ควรตรวจสอบเหมือนกัน
สำหรับการจัดวางตู้เย็นในพื้นที่แคบนั้น ยิ่งต้องควรระวังเรื่องทิศทางการเปิดปิดของประตูตู้เย็นเป็นพิเศษ ถ้าทิศที่ประตูเปิดมีกำแพงหรือเครื่องใช้อย่างอื่นมาขวาง ก็จะทำให้ใช้งานไม่สะดวกได้ และยิ่งสำหรับคนที่ไม่อยากลุกจากเตียงหรือโซฟา ต้องการเพียงเอื้อมมือมาก็สามารถเปิดใช้หยิบเครื่องดื่มในตู้เย็นได้ แต่ประตูตู้เย็นเกิดกลับทิศทางขึ้นมาละก็จะเกิดความหงุดหงิดขึ้นมาได้เลยค่ะ
ยิ่งตู้เย็นเป็นสิ่งที่มาอำนวยความสะดวกในบ้านแล้ว ก็ควรเลือกทิศทางการเปิดที่เข้ากับความถนัดของเรา สำหรับประตูแบบเปิดฝั่งเดียวที่เปิดจาก “ด้านซ้ายไปทางขวา” จะเรียกว่า “ประตูเปิดด้านขวา” และก็มีตู้เย็นที่สามารถเลือกเปิดได้ 2 ด้านเพียงเปลี่ยนฝั่งขันน็อต ดังนั้นสำหรับคนที่ถนัดซ้าย ควรตรวจสอบให้ดีเพื่อความสะดวกในการใช้งานค่ะ
หลายคนอาจจะไม่ทันสังเกตว่าตู้เย็นมีเสียงขณะที่ทำงานด้วย และอย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องทำงานอยู่ตลอดเวลา เสียงเหล่านี้ก็จะดังอยู่ตลอดเช่นกัน และเมื่อมันถูกนำมาตั้งในห้องนอนที่ต้องการความเงียบ บางครั้งอาจกลายเป็นเสียงรบกวนการนอนได้ ซึ่งโดยทั่วไปของคนเรานั้นจะรับรู้ถึงความเงียบได้ในที่ที่มีเสียงที่ต่ำกว่า 30dB ลองนำค่านี้ไปเช็คดูกันนะคะ
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าทุกรุ่นจะต้องเสียงดังเสมอไปนะคะ เพราะบางแบรนด์พัฒนาให้ตู้เย็นทำงานได้เงียบลง แต่ตู้เย็นที่มีฟังก์ชันนี้มักมีข้อเสียคือ “ตู้เย็นจะไม่ค่อยเย็น” ไม่เหมาะที่จะแช่น้ำแข็งหรืออาหารที่ละลายได้ เพื่อน ๆ จึงควรอ่านรีวิวของรุ่นนั้น ๆ ให้ละเอียดเสียก่อนจะตัดสินใจซื้อนะคะ
อีกหนึ่งเรื่องที่เพื่อน ๆ ไม่ควรลืมโดยเด็ดขาดถ้าไม่อยากเจอปัญหาชั้นวางชำรุด ช่องวางน้อย หรือขนาดไม่พอดีกับเครื่องดื่มที่ต้องการแช่ คือการตรวจเช็คสภาพภายในรวมไปถึงช่องด้านข้างประตูว่าตรงตามที่เราต้องการไหม ใส่ขวดน้ำสูงขนาด 2 ลิตรได้หรือเปล่า หรือ สามารถเลื่อนหรือถอดชั้นวางออกมาได้หรือไม่ โดยควรเช็คทั้งก่อนและหลังได้รับสินค้าเลยนะคะ เพื่อความรอบคอบ ถ้าพบว่าชำรุดให้รีบประกันสินค้าทันที (เฉพาะรุ่นที่มีใบรับประกัน) และอย่าลืมตรวจสอบระยะเวลาการคุ้มครองด้วยนะจ๊ะ จะได้ไม่เสียโอกาสตัวเอง
ตามที่เราได้เกริ่นไปในหัวข้อก่อนหน้านี้ว่าตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องเสียบปลั๊กไฟตลอด 24 ชั่วโมง และแม้ว่าไซซ์มินิจะมีขนาดเล็ก หลอกตาว่าคงกินไฟไม่มาก แต่ถ้าใช้ไม่ถูกวิธีก็ทำให้กินไฟได้มากเหมือนกันค่ะ
สำหรับตู้เย็นมินิ กำลังไฟที่ใช้ต่อปีควรจะอยู่ที่ประมาณ 100 – 200 กิโลวัตต์ ถ้าใครที่กำลังกังวลเรื่องค่าไฟละก็ขอแนะนำให้เลือกไซซ์ที่มีขนาดเล็กค่ะ แต่ทางที่ดีควรเลือกรุ่นที่กินไฟฟ้าน้อยโดยดูจากสัญลักษณ์ประหยัดไฟเบอร์ 5 หรือตามรายละเอียดของสินค้าจะดีกว่านะคะ
คนส่วนใหญ่อาจคิดไม่ถึงว่าสามารถนำพื้นที่บนตู้เย็นไซซ์เล็กมาใช้สอยให้เกิดประโยชน์ได้ แต่สำหรับบ้านไหนที่มีพื้นที่แคบและอยากใช้พื้นที่ที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุดแล้ว ขอแนะนำให้ใช้ตู้เย็นมินิที่พื้นที่ด้านบนทำด้วยวัสดุกันความร้อนค่ะ เพราะว่าสามารถนำเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างไมโครเวฟมาวางได้ เหมาะกับห้องครัวที่มีพื้นที่น้อยมากแน่นอนค่ะ
หรือแม้แต่ตู้เย็นเล็กที่วางอยู่ในห้องนอนหรือห้องรับแขก ก็สามารถนำของมาวางด้านบนเพื่อการตกแต่งห้องให้ดูสวยงามได้ แต่ถ้าวัสดุของตู้เย็นไม่ใช่ชนิดทนความร้อนก็อาจเกิดอันตรายได้ ต้องระวังด้วยค่ะ
นอกจากนี้เรื่องดีไซน์ของตัวตู้เย็นเองก็เป็นสิ่งสำคัญถ้าจะนำมาใช้ในการตกแต่งห้อง ซึ่งเดี๋ยวนี้หลายแบรนด์ได้ปรับดีไซน์ให้ดูทันสมัยและสวยงามมากขึ้น ต่างจากไซซ์ปกติที่เน้นความเรียบง่ายเพียงอย่างเดียว ทำให้ผลิตภัณฑ์นี้กลายเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถใช้ตกแต่งห้องได้ไปในตัว เพื่อน ๆ ลองเลือกโดยดูจากสไตล์และโทนสีของเฟอร์นิเจอร์ที่มีอยู่ในห้องตอนนี้กันดูนะคะ
รอคอยหัวข้อนี้กันนานเลยใช่ไหมเอ่ย หลายคนคงเกิดคำถามว่าตู้เย็นจะมีรีวิวอะไรให้อ่านเพราะดูอย่างไรแล้วการใช้งานก็ดูไม่มีอะไรมาก แต่ระวังนะคะ ความธรรมดานี้มีอะไรซ่อนอยู่มาก ข้อมูลและรีวิวของแต่ละอันดับจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ไปอ่านกันเลยค่ะ
เริ่มต้นกันด้วยตู้เย็นมินิจากแบรนด์ผู้นำด้านเครื่องใช้ไฟฟ้า โดดเด่นด้วยขนาดกะทัดรัดเพียง 1.7 คิ้ว มาพร้อมฟังก์ชันมากมาย ทั้งระบบทำความเย็น, ระบบกำจัดกลิ่นและระบบละลายน้ำแข็ง (กึ่งอัตโนมัติ) โดยชั้นวางของทำมาจากกระจกนิรภัยรองรับได้ 100 กิโลกรัม และเคลือบสารป้องกันเชื้อราที่ขอบยาง นอกจากนี้ยังมีสัญลักษณ์ประหยัดเบอร์ 5 ช่วยให้คุณประหยัดค่าไฟได้มากขึ้น
ในส่วนของรีวิวรุ่นนี้ ผู้ที่ซื้อไปต่างบอกว่าคุ้มค่า สามารถใช้งานได้ตามคำเคลมและยังมั่นใจในบริการหลังการขายได้อีกด้วย เพราะมีใบรับประกันถึง 5 ปี
ถ้าใครรู้สึกว่ารุ่นที่แล้วแพงไป อยากขอประหยัดงบลงมาหน่อย แนะนำให้ลองอ่านข้อมูลของรุ่นนี้แทนนะคะ โดยเครื่องมีขนาด 1.7 คิว ทำงานด้วยระบบทำความเย็นแบบซูเปอร์ไดเรค คูล สามารถควบคุมความเย็นได้อัตโนมัติ มาพร้อมระบบละลายน้ำแข็งแบบธรรมดาและสัญลักษณ์ประหยัดไปเบอร์ 5 นอกจากนี้ยังมีหลายสีให้เลือกซื้อ เพื่อน ๆ จึงเลือกให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ได้ตามต้องการ
หลายคนที่ได้ใช้จริงต่างบอกว่าเครื่องทำความเย็นได้พอเหมาะ มีขนาดกว้างแต่ไม่ลึก แยกช่องแช่เป็นสัดส่วน และที่สำคัญคือ “เสียงเงียบมาก” เหมาะกับการตั้งในห้องนอนอย่างยิ่งค่ะ
รุ่นนี้ถือว่าน่าสนใจมากทีเดียวค่ะ เพราะสามารถคงความสดใหม่ของผักผลไม้ได้นานถึง 7 วันด้วยเทคโนโลยี 360 Cooling ช่วยกระจายอุณหภูมิทั่วตู้เย็นและรักษาความชื้นให้มีระดับที่เหมาะสม มาพร้อมเทคโนโลยี FreshTaste Deodoriser ช่วยกำจัดแบคทีเรียและกลิ่นไม่พึงประสงค์ แถมยังประหยัดพลังงานถึง 37% ด้วยเทคโนโลยี NutriFresh® Inverter ช่องเก็บของข้างประตูก็ใส่ขวดน้ำ 1.5 ลิตรได้ตามต้องการอีกด้วยค่ะ
ผลลัพธ์หลังการใช้งาน คือ สามารถเก็บรักษาอาหารและเครื่องดื่มได้ดี มีขนาดกะทัดรัด มีระบบละลายน้ำแข็ง (แบบธรรมดา) แต่ไม่มีหลอดไฟและการจัดวางถาดรองน้ำแข็งค่อนข้างจะกินพื้นที่มาก ทำให้การใช้งานจำกัดลง
ตู้เย็นมินิความจุ 46 ลิตร (1.7 คิว) ชั้นวางของผลิตจากกระจกนิรภัย ภายในแยกสัดส่วนออกเป็นหลายช่อง สามารถแช่เครื่องดื่มและขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ มาพร้อมระบบละลายน้ำแข็งแบบธรรมดาและเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน กำลังไฟเพียง 220V/50HZ นอกจากนี้ยังถูกออกแบบมาให้ดูทันสมัยและสามารถปรับเปลี่ยนเข้ากับทุกสไตล์การแต่งห้อง
รีวิวส่วนใหญ่ค่อนข้างดี ต่างบอกว่าใช้งานได้ตรงตามสเปก ไม่เจอปัญหาอะไร ตู้เย็นทำความเย็นได้ดี ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาแล้ว ถือว่าคุ้มค่ามากทีเดียวค่ะ
เด็กหอต้องหลงรักรุ่นนี้ค่ะ เพราะขนาดเล็กเพียง 1.8 คิว จุได้ 50 ลิตร และน้ำหนักเพียง 16 กิโลกรัม โดยเก็บรักษาอาหารและเครื่องดื่มด้วยระบบกระจายความเย็นทั่วทั้งตู้เย็น มีชั้นวางของมากถึง 3 ชั้น แถมช่องแช่แข็งยังมีขนาดใหญ่ ช่วยให้คุณเก็บรักษาไอศกรีมได้มากขึ้น นอกจากนี้วัสดุก็แข็งแรงทนทาน และที่สำคัญมีราคาย่อมเยามากเลยค่ะ
ผู้ที่ใช้จริงต่างบอกว่าเครื่องเย็นพอเหมาะ ใช้งานได้ดี แต่รุ่นนี้ไม่มีสัญลักษณ์ประหยัดไฟเบอร์ 5 นะคะ ตู้เย็นใช้แรงดันไฟฟ้า 220 โวลต์และความถี่กระแสไฟฟ้า 50 เฮิรตซ์
ใครที่กำลังมองหาตู้เย็นมินิที่ความจุเยอะหน่อย สามารถใส่อาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ ลองมาอ่านข้อมูลรุ่นนี้ดูค่ะ AN-FR928 มีขนาด 3.3 คิว รูปร่างเล็กกะทัดรัด มีน้ำหนักเพียง 21 กิโลกรัม ภายในมีหลอดไฟส่องสว่าง มาพร้อมระบบละลายน้ำแข็งแบบ Manual และชั้นวางของที่ผลิตจากกระจกนิรภัย ทำให้คุณมั่นใจในคุณภาพ นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดพลังงาน อีกทั้งมีใบรับประกันสินค้าให้ 1 ปีอีกด้วย
มาดูรีวิวของรุ่นนี้กันบ้าง หลายคนบอกว่าวัสดุบอบบางไปสักนิด แต่โดยรวมทำงานได้ค่อนข้างดีและเงียบ เก็บรักษาอาหารและเครื่องดื่มได้ค่อนข้างเยอะ แต่ไม่ค่อยเหมาะกับการใช้แช่ของสดนะคะ ใครที่ชอบแช่เนื้อสัตว์แนะนำให้ซื้อรุ่นใหญ่ดีกว่า
เข้าสู่ 4 อันดับสุดท้ายที่หลายคนเลือกซื้อกันค่ะ รุ่นนี้โดดเด่นด้วยความจุ 3.0 คิว ที่ถูกดีไซน์ให้มีความทันสมัยและขนาดที่กะทัดรัด ขณะเดียวกันก็ยังสามารถเก็บรักษาอาหารและเครื่องดื่มได้อย่างหลากหลาย เครื่องทำงานเงียบ แถมมาพร้อมเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดไฟเบอร์ 5 ด้วยค่ะ
ภายในมี 4 ชั้น รวมช่องแช่แข็ง ด้านข้างประตูสามารถวางเครื่องดื่มได้ 2 ชั้น มีหลอดไฟส่องสว่าง เก็บรักษาความเย็นได้อย่างพอเหมาะ คนอยู่หอพักเล็ก ๆ มีพื้นที่จำกัดต้องถูกใจแน่นอนค่ะ
อีกหนึ่งรุ่นที่สามารถจุของได้เยอะ ด้วยขนาด 3.3 คิว มาพร้อมระบบละลายน้ำแข็งแบบธรรมดาและถาดรองน้ำทิ้ง โดยช่องวางของถูกออกแบบให้สามารถถอดออกเพื่อทำความสะอาดและปรับเปลี่ยนการจัดวางได้ ดีไซน์ก็ทันสมัย สามารถปรับเปลี่ยนให้เข้าได้กับทุกสไตล์การแต่งห้อง นอกจากนี้ยังมีใบรับประกันยาวนานถึง 1 ปีอีกด้วยนะคะ
ผู้ที่ซื้อใช้จริงหลายคนต่างชื่นชอบประสิทธิภาพของเครื่องที่ทำความเย็นได้อย่างพอเหมาะ โดยขณะทำงานไม่มีเสียงรบกวน และขนาดยังกะทัดรัด สามารถเคลื่อนย้ายเองคนเดียวได้ ถือว่าคุ้มค่ากับราคามากทีเดียวค่ะ
ต่อกันด้วยอันดับที่ 2 รุ่นนี้มีขนาด 2.1 คิว ใช้เทคโนโลยีไดเรค คูลลิ่งในการทำความเย็น มาพร้อมระบบซูเปอร์คูลและระบบละลายน้ำแข็งแบบกึ่งอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดไฟเบอร์ 5 ในขณะที่ดีไซน์รูปลักษณ์ก็ดูทันสมัย มีด้วยกัน 2 สี เงินและดำ จึงค่อนข้างเข้าได้กับทุกสไตล์การแต่งห้อง
จากรีวิวของผู้ที่ใช้จริงต่างบอกว่าตู้เย็นเย็นไว กระจายอุณหภูมิได้อย่างทั่วถึง ไฟส่องสว่างได้ไม่มีปัญหา และที่สำคัญยังทำงานได้เงียบมากอีกด้วยค่ะ ใครที่อยู่หอพักแนะนำให้ลองซื้อรุ่นนี้กันเลย
และแล้วก็ถึงอันดับที่ทุกคนรอคอย ตู้เย็นมินิขนาด 1.7 คิว โดดเด่นด้วยขนาดกะทัดรัด มีน้ำหนักเพียง 15 กิโลกรัม มาพร้อมการทำความเย็นด้วยระบบคอมเพรสเซอร์ ไร้สาร CFC (สารที่กระตุ้นภาวะโลกร้อน) อีกทั้งยังครบครันด้วยช่องแช่แข็งที่ทำงานได้ดีไม่แพ้ตู้เย็นขนาดใหญ่และเทคโนลยีที่ทำให้เสียงการทำงานของเครื่องค่อนข้างเบา เหมาะกับการตั้งในห้องนอนและในห้องพักมากเลยค่ะ
อ่านข้อมูลคร่าว ๆ กันไปแล้ว มาดูรีวิวของเขากันบ้าง ส่วนใหญ่แล้วคนที่ซื้อไปค่อนข้างชอบมากทีเดียว เพราะเย็นเร็ว อุณหภูมิเสถียร สามารถเก็บรักษาเครื่องดื่มและอาหารได้ดี นอกจากนี้ยังมีใบรับประกันสินค้า 1 ปีอีกด้วยค่ะ
ก่อนหน้าที่ผู้เขียนจะเขียนบทความนี้ ตู้เย็นมินิเป็นหนึ่งในสินค้าที่ผู้เขียนไม่ได้ให้ความสนใจและให้ความสำคัญเหมือนกันค่ะ เพราะคิดว่าแค่ใช้แก้ขัดไปอย่างนั้นเอง แต่ถ้าใครกำลังมองหาตู้เย็นที่ใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์ไปในตัว หรือตู้เย็นไซซ์เล็กเพื่อช่วยประหยัดพื้นที่ในการใช้สอย ผลิตภัณฑ์นี้ถือเป็นคำตอบสำหรับคุณเลยค่ะ
ก่อนการซื้อแนะนำให้เลือกจากความจุ, ขนาด, เสียงขณะทำงาน, ช่องเก็บของ, กำลังไฟที่ใช้และดีไซน์กันนะคะ เพื่อให้ได้ตู้เย็นมินิที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณมากที่สุด สำหรับครั้งนี้ผู้เขียนคงต้องลากันไปก่อน ใครที่ชื่นชอบบทความนี้ อย่าลืมแชร์ให้เพื่อน ๆ อ่านกันเยอะ ๆ นะคะ