"ทีวี" หรือ "โทรทัศน์" เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมมายาวนาน แต่เมื่อยุคสมัยผ่านไป เทคโนโลยีใหม่ ๆ ก็ค่อย ๆ เข้ามาแทนที่เทคโนโลยีเก่า จากทีวีแบบเดิมที่รับชมได้เพียงรายการโทรทัศน์เท่านั้น ก็พัฒนามาเป็นสมาร์ททีวีที่นำเอาฟังก์ชันของทีวีแบบเดิมและคอมพิวเตอร์มารวมเข้าไว้ด้วยกัน

สมาร์ททีวีนั้นมีคุณสมบัติในการใช้งานที่เหมือนกับทีวีแบบเดิมทุกอย่าง ที่เพิ่มเติมคือ ความสามารถในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งทำให้เราดาวน์โหลดแอปพลิเคชันหรือเข้าเว็บบราวเซอร์ต่าง ๆ เพื่อหาสาระข่าวสารและความบันเทิงเพิ่มเติม รวมถึงเล่นเกมต่าง ๆ โดยสมาร์ททีวีบางรุ่น มีการใส่เทคโนโลยีที่รองรับการใช้งานด้วยเสียงหรือท่าทางเข้ามาเพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน รวมถึงมีการออกแบบมาให้สามารถใช้งานควบคู่ไปกับอุปกรณ์อื่น ๆ อย่างกล้องถ่ายรูป หรือสมาร์ตโฟนได้ด้วย ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้จึงทำให้สมาร์ททีวีเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบันค่ะ

หลังจากที่ได้รู้จักสมาร์ททีวีกันแล้ว ต่อไปเราก็มาดูวิธีการเลือกสมาร์ททีวีกันดีกว่าค่ะ การจะเลือกสมาร์ททีวีที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการและไลฟ์สไตล์ของเราได้นั้นก็มีเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณากันไม่น้อย ซึ่งจะมีเรื่องอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลยค่ะ

การเลือกขนาดของสมาร์ททีวีนั้นมีหลายสิ่งที่เราควรพิจารณาควบคู่กันไป หลายคนอาจคิดว่าเลือกขนาดตามที่เราพึงพอใจก็เพียงพอ แต่แท้จริงแล้ว เราต้องคำนึงถึง พื้นที่ที่เราจะนำไปติดตั้ง ด้วย ไม่ว่าจะเป็นความกว้างของกำแพงที่จะติดตั้ง หรือขนาดของเฟอร์นิเจอร์ที่เราใช้วางสมาร์ททีวี และที่สำคัญคือ ต้องไม่ลืมคำนวณ ระยะห่างระหว่างทีวีและโซฟา ด้วย

การรับชมทีวีที่ดี ขนาดของทีวีและระยะห่างจากจอควรจะสัมพันธ์กัน ระยะที่ไม่เหมาะสม เช่น การรับชมทีวีขนาดใหญ่ในระยะที่ใกล้เกินไป อาจทำให้เกิดอาการปวดตา ตาล้า รวมทั้งส่งผลให้เกิดปัญหาสายตาในอนาคตได้ นอกจากนี้ ระยะห่างที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณได้รับอรรถรสในการรับชมมากขึ้น ทั้งภาพที่มีสีสันสวยงามคมชัด ไม่เบลอ และไม่มีจุดพิกเซลแตก ๆ ให้กวนใจค่ะ โดยระยะห่างระหว่างสมาร์ททีวีและโซฟาที่เราแนะนำก็คือ

• ทีวีขนาดต่ำกว่า 32 นิ้ว ระยะห่างไม่ควรเกินที่ 1.5 เมตร
• ทีวีขนาด 32 - 39 นิ้ว ระยะห่างควรอยู่ที่ประมาณ 1.5 - 2 เมตร
• ทีวีขนาด 40 - 45 นิ้ว ระยะห่างควรอยู่ที่ประมาณ 2 - 2.5 เมตร
• ทีวีขนาด 46 - 55 นิ้ว ระยะห่างควรอยู่ที่ประมาณ 2.5 - 3 เมตร
• ทีวีขนาด 56 นิ้วขึ้นไป ระยะห่างควรมากกว่า 3 เมตร ขึ้นไป

ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอทีวีนั้นจะประกอบไปด้วยจุดหลายจุดมารวมกัน ซึ่งเรียกว่า พิกเซล หากหน้าจอของเรามีพิกเซลมาก ภาพบนจอก็จะมีความคมชัดมากตามไปด้วย ซึ่งเรียกได้ว่า หน้าจอมีความละเอียดของภาพสูง นั่นเอง

ความละเอียดของภาพที่เราสามารถพบเห็นได้ในท้องตลาดโดยทั่วไปจะมีอยู่ 3 ประเภทหลัก ดังต่อไปนี้

• ความละเอียดภาพระดับ HD (1366 x 768 Pixel) ถือเป็นมาตรฐานความละเอียดจอภาพในระดับเริ่มต้นและเป็นที่แพร่หลายในปัจจุบัน มีราคาไม่สูงนัก
• ความละเอียดภาพระดับ Full HD (1920 x 1080 Pixel) เป็นความละเอียดที่นิยมมากในปัจจุบัน ทำให้การชมภาพยนตร์ทางออนไลน์อย่าง YouTube หรือ Netflix รวมถึงแผ่น Blu-ray มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และยังทำให้การเล่นเกมมีความลื่นไหล ภาพไม่กระตุกอีกด้วย
• ความละเอียดภาพระดับ UHD (3840 x 2160 Pixel) หรือ 4K ให้ความละเอียดของภาพที่สูงกว่าระดับ Full HD ถึง 4 เท่า ! ทำให้คุณได้รับชมภาพที่คมชัดสมจริงมากยิ่งขึ้นไปอีกขั้น ปัจจุบันมีคอนเทนต์ที่สามารถรองรับภาพระดับ 4K มากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นใน YouTube หรือ Netflix บางช่อง ช่องทีวี 4K รวมถึงกล้องวิดีโอที่เป็น 4K ค่ะ

หน้าจอที่มีความละเอียดของภาพสูงขึ้น จะช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชมให้ดียิ่งขึ้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับคอนเทนต์ด้วย เช่น ถ้าหากคุณเปิดดูคอนเทนต์ที่มีความละเอียดต่ำกว่า 4K อย่างรายการใน YouTube บางช่อง หรือแผ่น DVD ที่มีความละเอียดต่ำ ด้วยสมาร์ททีวีที่เป็น 4K ภาพที่ปรากฏก็จะไม่ละเอียดเท่า 4K นะคะ ดังนั้น นอกจากการเลือกความละเอียดของจอภาพแล้ว อย่าลืมคำนึงถึงคอนเทนต์ที่เรารับชมเป็นประจำด้วยค่ะ

นอกจากนี้ ในสมาร์ททีวีรุ่นใหม่ ๆ ก็ได้มีเทคโนโลยีล่าสุดอย่าง 8K ออกมาแล้ว แต่อาจยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก เพราะคอนเทนต์ที่รองรับภาพระดับนี้ยังมีน้อย รวมถึงมีราคาที่สูงเมื่อเทียบกับรุ่นอื่น ๆ อีกด้วยค่ะ

เสียงถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ส่งผลอย่างมากต่ออรรถรสในการรับชมสื่อต่าง ๆ รวมถึงการเล่นเกมด้วย เพราะเสียงที่ดีจะช่วยให้คุณมีอารมณ์ร่วมไปกับสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น ระบบเสียงที่คุณควรรู้จักคือ Dolby และ DTS ซึ่งเป็นระบบที่ใช้กันในโรงภาพยนตร์ สามารถถ่ายทอดเสียงรอบทิศทาง ทำให้คุณลุ้นระทึกไปกับทุกฉากอย่างสมจริง จึงไม่แปลกใจเลยที่หลายคนซื้อสมาร์ททีวีดี ๆ มาแล้ว ก็ต้องหาเครื่องเสียงหรือลำโพงดีๆ มาใช้คู่กัน

สำหรับคนที่ ไม่เน้นเสียงคมฟังชัดมาก ไม่เน้นการแยกเสียงพูด เสียง Sound Effect อย่างชัดเจน การใช้ลำโพงที่มากับสมาร์ททีวีก็เพียงพอค่ะ โดยเราแนะนำให้ตรวจสอบเสียงโดยการเพิ่มระดับความดังของเสียงจนสุด เพื่อฟังว่าเสียงไม่มีการแตกหรือแหลมขึ้นมา

นอกจากนี้ หากคุณ ไม่ต้องการติดตั้งลำโพงเพิ่ม แต่อยากได้เสียงที่มีคุณภาพสูง เราแนะนำ สมาร์ททีวีบางรุ่นที่มีระบบเสียง Dolby หรือ DTS ในตัว โดยไม่ต้องติดตั้งลำโพงเพิ่ม แต่คุณภาพเสียงอาจจะไม่สูงเท่าการติดตั้งลำโพงภายนอกค่ะ

แต่หากคุณชื่นชอบ ระบบเสียงคุณภาพสูง นุ่ม คมชัด ดังได้รอบทิศทาง มีการสะท้อนเสียงจากทิศทางต่าง ๆ อย่างสมจริง เราแนะนำให้ติดตั้งลำโพงเพิ่มเติม โดยเลือกสมาร์ททีวีที่สามารถรองรับระบบ Dolby หรือ DTS ได้ด้วยนะคะ ซึ่งสองระบบนี้ต่างให้พลังเสียงที่มีคุณภาพสูงที่มีความสมใกล้เคียงกันมาก ต่างกันเพียงรูปแบบของการติดตั้งลำโพงเท่านั้นค่ะ

ทีวีหลายรุ่นนิยมลดต้นทุกด้วยการลดจำนวนช่องสำหรับการเชื่อมต่อ หรือ พอร์ตลง เพื่อให้ทีวีมีราคาที่น่าสนใจ จนอาจทำให้หลายคนเข้าใจว่าจำนวนพอร์ตนั้นไม่มีความจำเป็นกับทีวีมากนัก แต่แท้จริงแล้ว เพื่อความคุ้มค่าในการใช้งานเราควรให้ความสำคัญกับจำนวนและชนิดของพอร์ตอย่างมากค่ะ ไม่ว่าเป็นพอร์ตสำหรับ สาย LAN สำหรับเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต พอร์ตสำหรับลำโพง หูฟัง รวมทั้งพอร์ต HDMI สำหรับเชื่อมต่อภาพและเสียง เป็นต้น

เราแนะนำให้คุณตรวจสอบความต้องการใช้งานของคุณให้ดี เช่น ถ้าหากต้องการเชื่อมต่อสมาร์ททีวีเข้ากับคอมพิวเตอร์ก็ควรมีพอร์ต HDMI นั่นเอง โดยนอกจากพอร์ตพื้นฐานที่เราได้กล่าวไปแล้ว สมาร์ททีวีส่วนมากยังมาพร้อมกับพอร์ต USB ที่ช่วยทำให้คุณเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อย่าง Flash Drive สำหรับดูเพื่อเรียกดูรูปภาพหรือข้อมูลที่คุณเก็บไว้ รวมถึงใช้เชื่อมต่อกับคีย์บอร์ด และเมาส์เพื่อการใช้งานที่สะดวกยิ่งขึ้นอีกด้วยค่ะ

นอกจากนี้ ถ้าคุณเลือกสมาร์ททีวีที่เป็น ระบบ 4K ก็ควรพิจารณาถึงพอร์ตที่รองรับ HDMI 2.0 เพื่อรองรับอุปกรณ์ต่าง ๆ ในอนาคตด้วยนะคะ

การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของสมาร์ททีวีแต่ละรุ่นมีความแตกต่างกันไป มีทั้งรุ่นที่ เชื่อมต่อผ่านสาย LAN โดยตรง และเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi Adapter USB หรือบางรุ่นมีการเชื่อมต่อ Wi-Fi Built-in ซึ่งติดมากับเครื่อง โดยสมาร์ททีวีรุ่นใหม่ ๆ มักเป็นแบบ Wi-Fi Built-In และมีช่องเชื่อมต่อกับสาย LAN มาให้ด้วย ซึ่งราคาก็จะสูงขึ้นไปอีกตามแต่ละสเปกของทีวีรุ่นนั้น ๆ ค่ะ

นอกจากความสามารถในการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตแล้ว สมาร์ททีวีบางรุ่นยังรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เครือข่ายอื่น ๆ ในบ้านของคุณได้อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น การเชื่อมต่อกล้องหรือสมาร์ตโฟนเข้ากับสมาร์ททีวีผ่านทาง Wi-Fi เพื่อดูภาพหรือคลิปวิดีโอที่เราถ่ายไว้ หรือควบคุมสมาร์ททีวีผ่านแอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟนได้ ซึ่งฟังก์ชันเหล่านี้จะช่วยให้เราใช้งานสมาร์ททีวีได้อย่างสะดวกสบาย และเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้นค่ะ

เมื่อเรารู้แล้วว่าควรเลือกสมาร์ททีวีแบบไหน ต่อไปเราก็มาดู 10 อันดับ สมาร์ททีวี ยอดฮิตติดตลาด ที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในปัจจุบันกันดีกว่าค่ะ มาดูกันว่ามีสมาร์ททีวีรุ่นไหนและยี่ห้อใดบ้างที่น่าสนใจ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับวิธีการเลือกสมาร์ททีวีที่ทางทีมงานมายเบสท์ได้นำมาเสนอในวันนี้ เราจะเห็นได้ว่าในการเลือกสมาร์ททีวีสักเครื่องให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการและการใช้งานนั้น จำเป็นต้องพิจารณาจากหลากหลายองค์ประกอบ เริ่มตั้งแต่ขนาดของทีวีที่ต้องเหมาะสมกับพื้นที่ติดตั้ง ไปจนถึงระยะห่างจากจอที่ควรเว้นเพื่อคุณภาพในการรับชม นอกจากนี้รายละเอียดอื่น ๆ เช่น ความละเอียดจอภาพ ระบบเสียงที่สมจริง การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต รวมทั้งจำนวนพอร์ตเชื่อมต่อก็เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงด้วยนะคะ

ทีมงานหวังเป็นอย่างยิ่งว่าใครที่กำลังมองหาสมาร์ททีวีอยู่ จะถูกใจกับ 10 อันดับสมาร์ททีวีที่เราแนะนำไป รวมถึงได้นำวิธีการเลือกซื้อของเราไปใช้พิจารณาด้วยนะคะ